การพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership Development) สำหรับ Supervisor ขึ้นไป เป็นกระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่งในองค์กร เนื่องจาก Supervisor เป็นบทบาทที่มีความสำคัญในการนำทีมหรือกลุ่มงานในองค์กรให้บรรลุผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การพัฒนาภาวะผู้นำสำหรับ Supervisor จึงเป็นการลงทุนที่มีคุณค่าที่สามารถช่วยให้องค์กรเติบโตและประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น
ความแตกต่างระหว่าง ผู้นำ Fixed mindset กับ ผู้นำ Growth Mindset
ความแตกต่างระหว่างผู้นำที่มี Fixed mindset และผู้นำที่มี Growth mindset อยู่ที่วิธีการมองเห็นและจัดการกับความสำเร็จ และความล้มเหลวต่างกันอย่างสำคัญ
ผู้นำ Fixed Mindset
- มองเห็นตัวเองและผู้อื่นว่ามีความสามารถและศักยภาพที่คงที่และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้มากนัก
- กลัวการล้มเหลวและสามารถเก็บความผิดพลาดไว้เป็นความล้มเหลวของตนเองได้
- มักมองเห็นความสำเร็จของคนอื่นเป็นการแข่งขันและมีความสามารถเหนือกว่าตนเอง
- มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการเรียนรู้หรือท้าทายตนเองเพื่อป้องกันการเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ผู้นำ Growth Mindset
- เชื่อว่าความสามารถและศักยภาพสามารถพัฒนาได้ด้วยการทำงานหนักและการเรียนรู้
- มองเห็นความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
- ให้ความสำคัญกับความพยายามและการพัฒนาความสามารถเป็นหลักในการบริหารจัดการ
- ส่งเสริมและสนับสนุนผู้อื่นในการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพ
ผู้นำที่มี Growth mindset มักจะมีความยืดหยุ่นและความเป็นระบบในการจัดการกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน พวกเขามักจะเชื่อในความสามารถของตนเองและผู้อื่นในการเรียนรู้และการพัฒนา ซึ่งส่งผลให้พวกเขามีความเป็นผู้นำที่สร้างสรรค์และสามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้นได้ลำดับลำดับและการสร้างวัฒนธรรมที่กระตุ้นการเรียนรู้และการพัฒนาที่ต่อเนื่องในองค์กร
ผู้นำ ต้อง เก่งคิด เก่งงาน เก่งคน เก่งดำเนินชีวิต
ในการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ ผู้นำจะต้องมีความเก่งในหลายด้าน เพื่อให้สามารถมีผลสัมฤทธิ์ในการนำทีมและองค์กรได้ดี ดังนี้
- เก่งคิด (Strategic Thinking) ผู้นำจะต้องมีความสามารถในการมองเห็นภาพรวมขององค์กร และสามารถวางแผนและดำเนินการให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ ตามวัตถุประสงค์ขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เก่งงาน (Technical Excellence) การมีความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญในงานที่ดำเนินไปจะช่วยให้ผู้นำสามารถตัดสินใจ และชี้นำทีมได้อย่างมั่นใจ มีความรับผิดชอบ ทำงานได้อย่างรวดเร้วและแม่นยำถูกต้อง มีความอดทน มองการณ์ไกลและมีประสิทธิภาพ
- เก่งคน (People Skills) การสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในทีมหรือในองค์กรมีความสำคัญอย่างมาก มีความเข้าใจตนเองและเข้าใจผู้อื่น ปรับตัวเองให้เข้ากับบุคคลอื่นและสิ่งแวดล้อม ทำตัวให้เป็นที่น่าไว้วางใจ และน่าเชื่อถือ เพราะสามารถสร้างบรรยากาศที่สนับสนุนและสร้างความผูกพันระหว่างบุคคลได้
- เก่งดำเนินชีวิต (Adaptability) ผู้นำจะต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว มีความฉลาดในการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เพื่อให้สามารถนำทีมผ่านวิกฤตได้
การมีความเก่งในด้านเหล่านี้ จะช่วยให้ผู้นำสามารถดำเนินการในบทบาทของตนอย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในสภาวะที่องค์กรต้องเผชิญกับความท้าทาย และการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน การพัฒนาทักษะและความเก่งในทุกด้านนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้นำควรใส่ใจและพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่องในการทำงานของตน
ผู้นำ ต้องเก่งพิชิตปัญหา มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาและตัดสินใจ
ในบทบาทของภาวะผู้นำ การแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน และการต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วและมั่นใจ เพื่อนำทีมหรือองค์กรผ่านไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้น ภาวะผู้นำที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหา และการตัดสินใจมีความสำคัญดังนี้
การแก้ไขปัญหา (Problem Solving)
- วิเคราะห์ปัญหา: ผู้นำควรสามารถวิเคราะห์ปัญหาอย่างรอบด้านโดยใช้ข้อมูลและข้อมูลที่มีอยู่เพื่อเข้าใจสาเหตุและผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับปัญหา
- สร้างวิธีการแก้ไขปัญหา: การพิจารณาวิธีการแก้ไขปัญหาที่เป็นเชิงวิเคราะห์และมีการศึกษาส่งเสริมการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
- การนำเสนอและดำเนินการ: ผู้นำควรสามารถนำเสนอแผนการแก้ไขปัญหาที่มีเสถียรภาพและดำเนินการให้สำเร็จได้อย่างมั่นใจ
การตัดสินใจ (Decision Making)
- การรวบรวมข้อมูล: ผู้นำควรสามารถรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นและมีประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
- การวิเคราะห์ข้อมูล: การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเข้าใจสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากตัวเลือกต่าง ๆ
- การตัดสินใจ: การตัดสินใจอย่างมั่นใจโดยใช้ข้อมูลที่เป็นหลักฐานและการพิจารณาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์
การมีภาวะผู้นำ ที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ผู้นำสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการนำทีม หรือองค์กรสู่ความสำเร็จ
ผู้นําเชิงกลยุทธ์กับความฉลาดทางอารมณ์
ผู้นำเชิงกลยุทธ์และความฉลาดทางอารมณ์มีความสำคัญอย่างมากในการนำทีมหรือองค์กรสู่ความสำเร็จและความยั่งยืน ดังนั้น การมีความสามารถในด้าน Self-awareness, Self-regulation, Motivation, และ Empathy เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการพัฒนาภาวะผู้นำที่มีความเชี่ยวชาญในการเชื่อมั่นและนำทีมไปสู่ความสำเร็จ
1.Self-awareness (การรู้ตนเอง)
- การเข้าใจความสามารถและข้อจำกัดของตนเอง
- ความสามารถในการรับรู้และเข้าใจอารมณ์ของตนเอง
- การรับรู้แรงผลักดันและความต้องการของตนเอง
2.Self-regulation (การควบคุมตนเอง)
- การมีกฎเกณฑ์และการควบคุมตนเองในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
- ความสามารถในการจัดการกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นและการเปลี่ยนแปลงทิศทางอารมณ์
- การคิดก่อนทำและการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
3.Motivation (การจูงใจ)
- การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองและทีม
- ความสามารถในการรักษาแรงจูงใจและความมุ่งมั่นในการทำงานแม้มีความท้าทาย
- การสร้างและรักษาพลังและการกระตุ้นความกระตือรือร้นในทีม
4.Empathy (การเห็นอกเห็นใจ)
- การเข้าใจและสามารถรับรู้ความรู้สึกและความเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชาและสมาชิกในทีม
- ความสามารถในการปรับตัวและการตัดสินใจโดยให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อความรู้สึกและความคิดของผู้อื่น
- การให้ความเข้าใจและการสนับสนุนความรู้สึกและความต้องการของผู้ใต้บังคับบัญชาและสมาชิกในทีม
การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์และภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ จะช่วยให้ผู้นำสามารถเป็นผู้นำที่มีความสำเร็จ และสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นการทำงานร่วมกัน อย่างเต็มที่ในองค์กร โดยส่งผลให้มีผลลัพธ์ที่ดี และยั่งยืนในระยะยาว
ทีมที่มีประสิทธิภาพ
- มีเป้าหมายเดียวกัน สมาชิกในทีมมีความเข้าใจ และยอมรับเป้าหมายหลักของทีมอย่างชัดเจน และทำงานร่วมกันเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อทั้งทีมและองค์กร
- ความรับผิดชอบไว้ชัดเจน สมาชิกในทีมมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และหน้าที่ของตนเองอย่างชัดเจน และพร้อมที่จะรับภาระงานเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น
- บรรยากาศทำงานเป็นกันเอง ทีมมีการสร้างบรรยากาศทำงานที่สร้างสรรค์และสนับสนุนการทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข ทั้งนี้มาจากการเคลื่อนไหวของสมาชิกที่มีความเชื่อมั่นและความกันเอง
- มีอิสรภาพด้านความคิด สมาชิกในทีมมีอิสรภาพในการคิดและแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นกันเอง และถูกยอมรับและเคารพความคิดต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความหลากหลายและการสร้างนวัตกรรมในทีม
- มุ่งประโยชน์สูงสุดของทีม สมาชิกในทีมมุ่งหวังให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับทีม โดยเสมอมีสามารถในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสัมพันธ์ที่ดีภายในทีม
- มีส่วนร่วมกันแก้ไขปัญหา สมาชิกในทีมมีการทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาและค้นหาทางออกต่อสถานการณ์ที่ซับซ้อน โดยมีการเชื่อมั่นในความสามารถของทีมและเรียนรู้จากประสบการณ์ของกันและกัน
ทีมที่มีลักษณะเหล่านี้ จะมีผลลัพธ์การทำงานที่มีประสิทธิภาพสูง และมีความสามารถในการรับมือกับความท้าทาย และพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
14 เทคนิคจูงใจลูกน้องและผู้อื่น
เทคนิคที่จะช่วยในการจูงใจลูกน้องและผู้อื่นมีหลายวิธี ดังนี้
- เข้าใจความต้องการของผู้อื่น การเข้าใจและรับรู้ความต้องการของผู้อื่นจะช่วยให้คุณสามารถจูงใจและสนับสนุนพวกเขาได้อย่างเหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการพูดโต้แย้ง การหลีกเลี่ยงการโต้แย้งจะช่วยสร้างบรรยากาศที่เชื่อมั่นและสร้างความเข้าใจต่อกัน
- หลีกเลี่ยงการกล่าวหาความผิด การหลีกเลี่ยงการกล่าวหาความผิดจะสร้างความเชื่อมั่นและสร้างมิตรภาพที่แข็งแรงกับผู้อื่น
- ยอมรับผิด การยอมรับความผิดของเราจะช่วยสร้างความเข้าใจและความซื่อสัตย์ในทีม
- ให้โอกาสให้ผู้อื่นแสดงความคิดเห็น การให้โอกาสให้ผู้อื่นแสดงความคิดเห็นจะเสริมสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความร่วมมือในทีม
- มองในแง่คิดของผู้อื่น การมองในแง่คิดของผู้อื่นจะช่วยให้คุณเข้าใจและรับรู้มุมมองของพวกเขา
- กระตุ้นการแข่งขัน การกระตุ้นการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์จะช่วยสร้างแรงจูงใจในการทำงาน
- เริ่มด้วยการยกย่อง เมื่อต้องตำหนิผู้อื่น ควรเริ่มด้วยการยกย่องคุณค่าและความสำเร็จของพวกเขา
- อ้างถึงความผิดของเราก่อน การอ้างถึงความผิดของเราก่อนจะแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและความเป็นซื่อสัตย์ของเรา
- พึงตระหนักว่าไม่มีใครชอบรับคำสั่ง การตระหนักถึงความไม่พอใจในการรับคำสั่งอาจช่วยในการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือในทีม
- ตั้งคำถามเพื่อให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ การให้โอกาสให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจจะช่วยสร้างความร่วมมือและสนับสนุนในการดำเนินการ
- รักษาหน้าที่ของผู้อื่น การรักษาหน้าที่ของผู้อื่นจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจในทีม
- พูดถึงด้านดีของคนอื่น การพูดถึงด้านดีของคนอื่นจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสร้างความไว้วางใจต่อกัน
- ทำให้ความผิดพลาดเป็นของง่ายที่จะแก้ไข การสนับสนุนและให้โอกาสในการแก้ไขความผิดพลาดจะช่วยสร้างประสบการณ์เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของทีมได้มากขึ้น
การนำเทคนิคเหล่านี้ สามารถช่วยให้คุณมีส่วนร่วมในการสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพ และเชื่อมั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยใช้เทคนิคเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้าใจ ความไว้วางใจ และความร่วมมือในทีมของคุณและผู้อื่นได้อย่างเต็มที่ ด้วยการนำเทคนิคเหล่านี้มาปรับใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม คุณสามารถสร้างทีมที่มีผลสัมฤทธิ์และความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้นได้อย่างมั่นใจ
สรุป
การพัฒนาภาวะผู้นำสำหรับ Supervisor ขึ้นไป เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายามในการสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงสำหรับการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพและมีอิทธิพลในองค์กรการพัฒนาภาวะผู้นำไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความเชี่ยวชาญ แต่ยังเป็นกระบวนการที่ต้องเกิดการปรับตัวและการพัฒนาต่อเนื่องตลอดเวลาเพื่อรักษาความสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมภายนอกและภายในองค์กร ดังนั้น การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะผู้นำจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว