มีคนจำนวนมากที่มี “ความสามารถในการพูด” ซ่อนอยู่ แต่ไม่เคยได้ใช้มันจริง ๆ เพราะพ่ายให้กับ “เสียงในหัว” ของตัวเอง
เสียงนั้นมักกระซิบว่า “พูดไปเดี๋ยวผิด”, “คนอื่นเก่งกว่า”, “เขาจะมองว่าเราไม่ดีพอ” — ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ความจริง แต่คือการตีความของสมองที่พยายาม “ปกป้องเรา” จากความอาย
ในฐานะคนที่ฝึกสอนเรื่องการพูดมาหลายปี ผมเห็นสิ่งหนึ่งเหมือนกันในทุกคนที่กลัวการพูด คือ พวกเขาไม่ได้กลัว “เวที” แต่กลัว “การถูกตัดสิน”
และการจะก้าวข้ามจุดนั้นได้ ไม่ได้อยู่ที่การท่องคำพูดให้แม่น แต่อยู่ที่ “การจัดการใจและความคิด” ก่อนขึ้นพูด ซึ่งคุณจะสามารถพัฒนาตนเองได้ด้วยคอร์สก้าวแรกสู่การพูดในที่สาธารณะอย่างมั่นใจ (Essential Public Speaking Skills)
5 วิธีเอาชนะเสียงในหัว ที่จะทำให้คุณพูดได้มั่นใจขึ้นทุกครั้ง
ต่อไปนี้คือ 5 วิธีเอาชนะเสียงในหัว จาก HRODTHAI ที่จะทำให้คุณพูดได้มั่นใจขึ้นทุกครั้ง แม้จะยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ก็ตาม
1.ยอมรับความรู้สึก — ความตื่นเต้นไม่ใช่จุดอ่อน
หลายคนพยายาม “ห้ามตัวเองไม่ให้ตื่นเต้น” ก่อนพูด แต่ยิ่งห้าม ความตื่นเต้นก็ยิ่งแรง เพราะยิ่งต่อต้าน สมองยิ่งคิดว่า “มีภัย” สิ่งที่ควรทำคือ ยอมรับมัน
ยอมรับว่าตอนนี้เราตื่นเต้น เพราะเรากำลังจะทำสิ่งสำคัญ หัวใจที่เต้นเร็วคือพลังงานของร่างกายที่เตรียมพร้อม มือที่สั่นคือสัญญาณว่าคุณกำลังจะก้าวออกจาก Comfort Zone นักพูดมืออาชีพไม่ได้ “ไม่กลัว” แต่พวกเขา รู้วิธีอยู่กับความกลัวอย่างสงบ
ครั้งต่อไปก่อนขึ้นพูด ลองพูดกับตัวเองเบา ๆ ว่า “ฉันตื่นเต้น เพราะสิ่งนี้มีความหมายสำหรับฉัน”
คุณจะรู้สึกได้เลยว่าความรู้สึกเปลี่ยนไปทันที จากความกลัว → เป็นความตื่นเต้นที่มีพลัง
2. เปลี่ยนเสียงในหัว จากศัตรูให้กลายเป็นเพื่อน
“เสียงในหัว” จะไม่หายไปไหนหรอก แต่มันสามารถ “เปลี่ยนบทพูด” ได้ จาก “กลัวพูดผิด” → “กล้าลองพูด แล้วค่อยปรับก็ได้”
เทคนิคนี้เรียกว่า Reframing หรือการเปลี่ยนกรอบความคิดสมองของเราทำงานตามคำพูดที่เราบอกตัวเองเสมอ
ถ้าเราพูดว่า “ฉันไม่มั่นใจ” สมองจะเริ่มหาหลักฐานมายืนยันคำนี้ แต่ถ้าเราบอกว่า “ฉันกำลังเรียนรู้ที่จะพูดดีขึ้น” สมองจะเริ่มหาวิธีช่วยให้เราทำได้ดีขึ้นจริง ๆ
ก่อนขึ้นพูด ลองถามตัวเองว่า “ถ้าเพื่อนของฉันกลัวการพูดแบบนี้ ฉันจะพูดปลอบเขายังไง?”
แล้วใช้คำนั้นพูดกับตัวเองแทนเสียงในหัวจะเริ่มเบาลง และคุณจะได้ยิน “เสียงของความกล้า” ชัดขึ้น
3. ใช้ลมหายใจ Ground ตัวเอง
เมื่อความตื่นเต้นพุ่งขึ้น สมองจะเข้าสู่โหมด “หนีหรือสู้” หัวใจเต้นแรง มือสั่น สมาธิหลุด เพราะร่างกายคิดว่า “เรากำลังเผชิญภัย” แต่ภัยนั้น... แท้จริงคือ “คนฟังที่กำลังตั้งใจฟังเรา”
วิธีดึงสมองกลับมาสู่โหมดสงบคือ ลมหายใจ
ก่อนขึ้นพูด ใช้เทคนิค “4-4-6 Breathing”
- หายใจเข้าลึก ๆ นับ 4 วินาที
- กลั้นไว้ 4 วินาที
- ผ่อนออกช้า ๆ 6 วินาที
ทำแบบนี้ 3 รอบ
ร่างกายจะค่อย ๆ ปรับสมดุล
สมองจะส่งสัญญาณใหม่ว่า “เราปลอดภัย”
และคุณจะเริ่มรู้สึกนิ่งพอที่จะเริ่มต้นได้
เคล็ดลับเล็ก ๆ คือ “อย่าหายใจแรง” เพราะจะทำให้หัวใจเต้นแรงกว่าเดิม
ให้หายใจนุ่ม ๆ ลึก ๆ เหมือนกำลังปลอบใจตัวเอง
4. เตรียมตัวให้มั่น = ความมั่นใจจะตามมา
ไม่มีนักพูดคนไหน “มั่นใจโดยไม่เตรียมตัว” และไม่มีใคร “เตรียมตัวดีแต่ยังกลัว”
ความมั่นใจเกิดจากการที่สมองเชื่อว่า “ฉันพร้อมแล้ว” เริ่มจากการวางโครงเรื่องง่าย ๆ เช่น
เปิด – เนื้อหา – ปิด
- “เปิด” ใช้เรื่องเล่าหรือคำถามดึงความสนใจ
- “เนื้อหา” ใช้ 3 ประเด็นหลักพอ จำง่าย และไม่หลงทาง
- “ปิด” ใช้ประโยคสั้น ๆ ที่ทิ้งความคิดไว้ในใจคนฟัง
การซ้อมพูดหน้ากระจก หรืออัดวิดีโอตัวเองไว้ดู ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการ “รู้ตัวเอง”
ดูว่าเรายืนยังไง ใช้มือเยอะไหม หรือเสียงเราสั่นจุดไหน
การได้เห็นตัวเองจากมุมคนฟัง จะทำให้เราปรับได้ตรงจุด
และจำไว้ว่า... ความมั่นใจไม่ได้เกิดจาก “ไม่มีข้อผิดพลาด”
แต่มันเกิดจากการ “เตรียมพร้อมแม้รู้ว่าจะมีข้อผิดพลาด” ต่างหาก
5. เริ่มจากวงเล็ก ค่อยขยายความกล้า
อย่ารอให้พร้อมก่อนแล้วค่อยพูด เพราะคุณจะไม่มีวันรู้สึกพร้อม 100%
เริ่มจาก วงเล็ก ๆ ก่อน เช่น
พูดในที่ประชุมทีมเล็ก ๆ
พูดเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง
หรือพูดขอบคุณในโอกาสเล็ก ๆ
ทุกครั้งที่คุณ “ได้พูด” สมองจะจดจำว่า “เราไม่เป็นไร”
และมันจะค่อย ๆ ลดระดับความกลัวลงโดยอัตโนมัติ
นักจิตวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่า “Exposure Therapy”
คือ การเผชิญกับสิ่งที่กลัวทีละน้อย เพื่อให้สมองเรียนรู้ว่า “ไม่อันตรายอย่างที่คิด”
คุณไม่ต้องขึ้นเวทีใหญ่เพื่อฝึกพูด
เพียงพูดกับคนที่ไว้ใจ แม้แค่ 1 คน — นั่นก็ถือเป็นการฝึก Public Speaking แล้ว
บทสรุป ความกล้าไม่ได้เกิดจากการไม่มีเสียงในหัว แต่เกิดจากการ “เลือกเชื่อเสียงที่ใช่”
เสียงในหัวอาจจะพูดว่า “เราทำไม่ได้”
แต่เราสามารถพูดกลับไปได้ว่า “ฉันกำลังลองดู”
เมื่อยอมรับความรู้สึก เปลี่ยนกรอบความคิด หายใจให้ใจนิ่ง เตรียมตัวให้พร้อม และค่อย ๆ ขยายความกล้า
คุณจะพบว่า “ความกลัว” ที่เคยดูใหญ่โตนั้น... จริง ๆ แล้วมันแค่เรื่องเล็ก ๆ ที่รอให้คุณก้าวผ่านไปเท่านั้น
เพราะทุกครั้งที่คุณพูด แม้เป็นการพูดกับเพื่อนหนึ่งคน
คุณกำลังสร้าง “นักพูดในตัวคุณ” ทีละนิด
ไม่มีใครเกิดมาเก่งการพูด แต่ทุกคน “ฝึกจนกล้า” ได้เสมอ
อย่าปล่อยให้เสียงในหัวมาหยุดเสียงในใจของคุณ เพราะเสียงในใจ... คือสิ่งที่โลกต้องการจะได้ยินมากที่สุด


